การแปรงฟันสุนัข เพื่อลดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของสุนัข ผู้เลี้ยงสามารถทำความสะอาดฟันหรือแปรงฟันสุนัขเองได้ หากทำไม่เป็นให้ศึกษาวิธีและขั้นตอนการแปรงฟันสุนัขข เพื่อนำไปทำความสะอาดให้ฟันน้องหมามีสุขภาพที่ดี แต่หากไม่ดูแลฟันสุนัขอาจมีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมา
การแปรงฟันสุนัข สำคัญอย่างไร
การแปรงฟันสุนัข เป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป การรักษากลิ่นปากสุนัขให้สะอาดอยู่เสมอเป็นเพียงเหตุผลหนึ่งที่ควรแปรงฟันเป็นประจำ ฟันที่สะอาดยังสามารถทำให้เจ้าเพื่อนสี่ขาสุขภาพดี มีความสุขและอายุยืนอีกด้วย คราบจุลินทรีย์บนผิวฟันและหินปูนไม่เพียงแต่ทำให้ลมหายใจของสุนัขมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุให้สูญเสียฟันด้วย ปัญหาสุขภาพช่องปากที่ร้ายแรงยังสามารถนำไปสู่การติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิตและสร้างความเจ็บปวด การติดเชื้อเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อไต หัวใจและตับ ดังนั้นการแปรงฟันให้สุนัขจึงเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งของสุนัขและเจ้าของ
การเตรียมตัวก่อนแปรงฟันให้สุนัข
1. การแปรงฟันสุนัข ให้ซื้อแปรงสีฟันสำหรับสุนัข
- แปรงสีฟันสุนัขมีขนแปรงนุ่มและออกแบบมาให้ซอกซอนถึงในบริเวณที่ยากจะเข้าถึงได้
- เลือกแปรงตามขนาดสุนัข สามารถใช้แปรงสีฟันขนาดใหญ่กับสุนัขตัวใหญ่ แต่สุนัขขนาดเล็กต้องใช้แปรงที่สามารถใส่เข้าปากสุนัขได้
- นอกจากนี้ยังมีแปรงแบบสวมนิ้วที่เอาสวมไว้ที่ปลายนิ้ว เพื่อให้แปรงได้ตรงจุดมากขึ้น แต่แปรงประเภทนี้ก็อาจทำให้สุนัขงับนิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจได้
- อย่าใช้แปรงสีฟันสำหรับมนุษย์ผู้ใหญ่แปรงฟันสุนัข อาจใช้แปรงสีฟันเด็กแบบขนแปรงอ่อนแทนได้หากจำเป็น
- ทางเลือกอื่นเมื่อสุนัขไม่ยอมแปรงฟัน เช่น ผ้าและฟองน้ำที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
2. การแปรงฟันสุนัข ให้เลือกยาสีฟันสำหรับสุนัข
- ยาสีฟันของคนจะผสมฟลูโอไรด์และส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุนัข คนเราจะไม่กลืนยาสีฟันตอนแปรงฟัน แต่สุนัขส่วนใหญ่ทำ การกินยาสีฟันของคนอาจทำให้สุนัขอาเจียน และอาจเป็นอันตรายต่อไตได้
- ยาสีฟันสำหรับสุนัขมีจำหน่ายเป็นรสชาติต่างๆ เพื่อให้การแปรงฟันง่ายขึ้นและสุนัขรู้สึกดีขึ้น
- อาจต้องลองใช้หลายๆ รสชาติ เพื่อหารสที่เหมาะที่สุดสำหรับสุนัข
3. การแปรงฟันสุนัข เริ่มแปรงฟันตั้งแต่สุนัขอายุยังน้อย
- อย่างไรก็ตาม การแปรงฟันตอนนี้คงไม่มีผลอะไรมากต่อความสะอาดในช่องปากโดยรวม เพราะลูกสุนัขจะยังไม่มีฟันแท้ขึ้นจนกว่าจะอายุ 6-7 เดือน
- การเริ่มแปรงตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยให้ลูกสุนัขคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและการแปรงฟัน
4. การแปรงฟันสุนัข ให้เลือกเวลาแปรงที่เหมาะสม
- เวลาที่เหมาะสมคือหลังจากสุนัขออกกำลังกายหรือเล่นเสร็จแล้ว เพราะสุนัขจะเหนื่อยและไม่ค่อยขัดขืน
ขั้นตอนการแปรงฟันสุนัข
1. ทำให้สุนัขคุ้นเคยกับการมีมืออยู่ในปาก
- การแปรงฟันสุนัขเป็นครั้งแรก ให้เริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สุนัขชินกับการที่เอามือใส่เข้าปากหรือทำอะไรใกล้ๆ ปากสุนัข ใช้นิ้วมือสัมผัสบริเวณช่องปากและปากสุนัขบ่อยๆ
2. ให้สุนัขเลียยาสีฟันจากนิ้วมือ
- เริ่มการแปรงฟันด้วยการให้สุนัขเลียยาสีฟันปริมาณน้อยๆ จากนิ้ว ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าสุนัขชอบยาสีฟันนี้มากน้อยแค่ไหน และยังช่วยให้สุนัขคุ้นเคยกับรสชาติ ทำให้สุนัขยอมรับแปรงสีฟันที่มียาสีฟันนี้อยู่มากขึ้น
- เมื่อสุนัขเลียยาสีฟันแล้ว ให้ยกริมฝีปากสุนัขขึ้นแล้วใช้นิ้วถูไปตามฟันและเหงือกด้วยจังหวะเดียวกับที่จะใช้เมื่อใช้แปรงสีฟัน วิธีการนี้จะทำให้เปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันได้ง่ายขึ้น
3. เอาแปรงสีฟันให้สุนัขดู
- การแปรงฟันสุนัข ให้เอาแปรงฟันให้สุนัขดูหรืออาจให้สุนัขเลียยาสีฟันจากแปรงสีฟันก็ได้ ชมเชยสุนัขเมื่อสุนัขทำเช่นนี้ นี่จะช่วยให้สุนัขคุ้นกับการมีแปรงสีฟันอยู่ใกล้ๆ ปาก
4. การแปรงฟันสุนัขเพียงบางส่วน
- ค่อยๆ ยกริมฝีปากบนแล้ววางแปรงสีฟันลงที่ฟัน จากนั้นแปรงแบบไปข้างหน้าและถอยหลังช้าๆ
- วิธีนี้จะช่วยให้สุนัขชินกับความรู้สึกใหม่ที่มีแปรงสีฟันถูบนฟันและเหงือก และจะได้เห็นว่าสุนัขตอบสนองอย่างไร
- สุนัขบางตัวอาจยอมให้แปรงฟัน แต่ถ้าสุนัขลังเลหรือแสดงอาการก้าวร้าว ให้แปรงต่ออย่างระมัดระวัง การแปรงฟันสุนัขทางที่ดีคือให้แปรงเมื่อมีเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวคอยลูบและปลอบสุนัขให้สงบ
- การใช้เสียงที่สงบและผ่อนคลายก็สามารถช่วยให้สุนัขสงบได้ หากสุนัขเริ่มขัดขืนหรือก้าวร้าว ให้ปล่อยสุนัขไปก่อน แล้วสักพักค่อยลองใหม่ หรือลองใหม่วันอื่น หากสุนัขยังคงมีพฤติกรรมเช่นนี้ ให้ขอคำแนะนำจากสัตว์แพทย์หรือผู้ฝึกสุนัขว่าควรทำอย่างไร
- หลังการแปรงฟันสุนัขเสร็จแม้เพียงบางส่วน ให้รางวัลสุนัขเป็นขนมแล้วแปรงต่อจนเสร็จ
5. การแปรงฟันสุนัขด้านนอก
- แปรงฟันหลายซี่มากขึ้นในแต่ละครั้งที่แปรง จนกระทั่งสุนัขยอมให้แปรงฟันได้ทุกซี่
- พยายามแปรงตามรอยเหงือกทั้งหมด นี่จะช่วยให้สุนัขชินกับการแปรงฟันโดยที่ไม่ต้องจับสุนัขให้อ้าปาก
- จำกัดการแปรงฟันสุนัขแต่ละครั้งให้ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที อาจต้องทำไปสัก 2-3 ครั้งเพื่อให้สุนัขชินกับการแปรงฟัน
6. การแปรงฟันสุนัขด้านใน
- วางมือข้างหนึ่งไว้บนปากด้านบน เพื่อยกริมฝีปากขึ้นและจับสุนัขอ้าปาก หากสุนัขไม่ยอม ให้ลองลงน้ำหนักเบาๆ ที่ด้านในปาก เพื่อช่วยให้สุนัขอ้าปาก
- เมื่อสุนัขอ้าปากแล้ว ให้แปรงพื้นที่ด้านในฟันเพียงบางส่วนก่อน เช่นเคย ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากแปรงบริเวณเล็กๆ ก่อน แล้วจึงแปรงพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นเมื่อสุนัขคุ้นเคยกับการแปรงฟัน
- แม้ว่าลิ้นของสุนัขจะทำหน้าที่ควบคุมการสะสมของหินปูนที่ฟันด้านในตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่การแปรงฟันด้านในจะสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก
7. ทำให้เป็นกิจวัตร
- การแปรงฟันสุนัขทุกวันดีที่สุด เพราะจะช่วยป้องกันโรคปริทันต์ที่ทำให้เจ็บปวดและเกิดการติดเชื้อร้ายแรง
- ถ้าสุนัขสูญเสียฟัน ไม่อยากให้เข้าใกล้ปาก หรือมีเลือดออกในช่องปาก ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนแปรงฟันต่อ
- เริ่มช้าๆ และค่อยๆ เพิ่มเป็นการแปรงฟันทุกวัน ถ้าไม่สามารถแแปรงฟันสุนัขทุกวันได้ ให้พยายามแปรงให้บ่อยที่สุด
การแปรงฟันสุนัขที่ไม่ให้ความร่วมมือ
1. ใช้ผ้า
- การใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต้ถ้าสุนัขไม่ยอมให้แปรงฟัน ก็มีทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถใช้ได้ หากสุนัขไม่ชอบแปรงสีฟัน ให้ลองใช้วัสดุบางๆ ทายาสีฟันที่ฟันสุนัข
- สามารถใช้ถุงน่องอันเก่า ผ้าขนหนูเก่า หรือผ้าก็อซพันไว้รอบนิ้ว
- การใช้วิธีนี้ “แปรง” จะทำให้เกิดการเสียดสี และเป็นการทายาสีฟันที่ฟันสุนัข ซึ่งจะชะลอการสะสมของคราบจุลินทรีย์
2. ใช้ของเล่นสำหรับแทะ
- ของเล่นสำหรับแทะจะช่วยถูเอาคราบหินปูนนิ่มๆ ออกและเป็นการนวดเหงือก นอกจากนี้ยังช่วยไม่ให้สุนัขเบื่อและลดความเครียดได้อีกด้วย
- เอาหนังสัตว์ที่ยังไม่ได้ฟอกและของเล่นที่ทำจากไนล่อนและยางให้สุนัขแทะ ขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์
- สามารถให้สุนัขแทะกระดูกและของเล่นนอกเหนือจากการแปรงฟันเป็นประจำได้ แต่ไม่ควรใช้แทนที่การแปรงฟันในระยะยาว
3. เลือกอาหารที่ช่วยทำความสะอาดฟัน
- ให้สุนัขกินอาหารและขนมแบบแห้ง แทนที่จะเป็นอาหารกระป๋อง จะช่วยชะลอการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน
- นอกจากนี้ยังมีอาหารแบบพิเศษที่ทำมาเพื่อช่วยทำความสะอาดฟันเมื่อสุนัขกินเข้าไป แต่ไม่ควรใช้อาหารเหล่านี้แทนการแปรงฟัน
4. ลองใช้เจลหรือสเปรย์
- ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากแปรงฟันคือสเปรย์และเจลที่สามารถใช้เป็นประจำได้ สเปรย์และเจลเหล่านี้มีส่วนผสมที่ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโต ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดหินปูนสะสม
- ปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการใช้สเปรย์และเจลรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ
5. ให้ผู้เชี่ยวชาญทำความสะอาด
- ถ้าสุนัขไม่ยอมให้ทำความสะอาดฟันเลย ให้พาไปให้สัตวแพทย์ทำให้แทน
- และอย่าลืมปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพฟันของสุนัขทุกครั้งเมื่อไปพบสัตวแพทย์
เคล็ดลับการแปรงฟันสุนัข
- ไม่ต้องล้างปากสุนัขหลังแปรงฟัน ยาสีฟันสำหรับสุนัขส่วนใหญ่มีเอนไซม์ที่จะช่วยชะลอการสะสมของคราบจุลินทรีย์ และจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่ออยู่บนผิวฟันนานขึ้น
- ถ้าตะโกนใส่สุนัข สุนัขจะเชื่อมโยงการแปรงฟันกับความคิดทางลบ ให้ทำอย่างใจเย็นและผ่อนคลาย
- เช่นเดียวกับการฝึกแบบอื่น สามารถใช้ขนมและการเอาใจเป็นพิเศษเป็นรางวัลเมื่อสุนัขให้ความร่วมมือในแต่ละขั้นตอน นี่จะเป็นการสร้างประสบการณ์ทางบวกและกระตุ้นให้สุนัขร่วมมือมากขึ้น เลือกขนมชนิดแข็งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้หินปูนสะสม
- สุนัขตัวเล็กและสุนัขจมูกสั้นเช่น ชิห์สุและบูลด็อก ควรแปรงฟันให้บ่อยครั้งที่สุด อย่างน้อย 1 หรือ 2 ครั้งต่อวันได้ยิ่งดี เพราะฟันของสุนัขประเภทนี้จะอยู่ชิดกันและขึ้นในช่องปากที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์และหินปูนสะสมได้ง่าย
ข้อควรระวัง
- ถ้าไม่ดูแลฟันสุนัข สุนัขอาจมีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมานอกเหนือจากอนามัยในช่องปาก การดูแลสุขภาพช่องปากหมายถึงเจ้าเพื่อนรักจะมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากขึ้น
- ถ้าเห็นว่าสุนัขต้องการความช่วยเหลือเรื่องฟัน ไปปรึกษาสัตวแพทย์
- อย่าบังคับขู่เข็ญสุนัขถ้าสุนัขไม่ยอมแปรงฟัน ถ้าสุนัขแสดงอาการกลัวหรือก้าวร้าวขณะแปรงฟัน ให้หยุดแปรงทันที อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสุนัขเพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้

ทางเลือกในการดูแลสุขภาพฟันในสุนัข
1. การแปรงฟัน
เป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมคราบจุลินทรีย์ โดยการแปรงฟันจะช่วยแปรงคราบจุลินทรีย์ออก เพื่อลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนฟัน การแปรงฟันในสุนัขและแมวนั้นทำได้เช่นเดียวกับคน แต่แม้ว่าการแปรงฟันจะเป็นวิธีที่ดี แต่ก็เป็นวิธีที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากสัตว์ด้วย ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น เจ้าของอาจมีการใช้เจลหรือยาสีฟันสำหรับสัตว์ร่วมด้วย (จะไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์) บางผลิตภัณฑ์จะมีการผสมกลิ่น/รสที่ช่วยให้สัตว์ชอบและทำให้สัตว์ยอมรับการแปรงฟัน หรือบางผลิตภัณฑ์อาจมีส่วนประกอบของเอนไซม์ที่ช่วยลดการเกิดคราบจุลินทรีย์ด้วย การแปรงฟันสุนัขและแมวต้องเริ่มจากการฝึก เพื่อให้เกิดความประทับใจทั้งเจ้าของและสัตว์ และต้องทำเป็นประจำ โดยแนะนำให้แปรงฟันสุนัขและแมววันละ 1 ครั้ง แม้ว่าการแปรงฟันจะมีประสิทธิภาพดีมาก แต่จากผลการศึกษาระยะยาวเมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือน พบว่ามีเจ้าของสัตว์เพียง 40 – 50% เท่านั้นที่ยังแปรงฟันสัตว์อย่างต่อเนื่อง3 เพราะอย่างที่บอกข้างต้นว่าการแปรงฟันต้องอาศัยความร่วมมือของเจ้าของสัตว์และสัตว์เลี้ยงอย่างสูง แต่ผลลัพธ์ออกมาคุ้มค่า เพราะถือว่าเป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดในการดูแลสุขภาพฟันในสุนัขและแมว
2. อาหารดูแลสุขภาพฟัน
เนื่องจากสัตว์ต้องกินอาหารทุกวัน อาหารจึงถือว่ามีความสำคัญต่อสุขภาพฟัน มีบางคนเข้าใจว่าอาหารเม็ดจะช่วยลดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายได้ดีกว่าอาหารเปียก แต่ทั้งนี้มีการศึกษาที่พบว่าอาหารเม็ดทั่วไปไม่สามารถช่วยลดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายได้ดีกว่าอาหารเปียก เนื่องจากอาหารเม็ดจะสัมผัสเพียงแค่ส่วนปลายฟันเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสผิวฟันทั้งหมด ดังนั้นอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพฟัน จึงควรต้องมีขนาดและผิวของอาหารที่ขบเคี้ยวแล้วสามารถสัมผัสกับพื้นผิวฟันได้ดี เพื่อช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิดของสุนัขและแมวที่ได้รับการรับรองจาก VOHC ในการช่วยลดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลาย และจากการศึกษาในสัตว์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต่อเนื่อง 16 สัปดาห์ พบว่าสามารถช่วยลดคราบจุลินทรีย์ หินน้ำลาย และเหงือกอักเสบได้ เมื่อเทียบกับสัตว์ที่กินอาหารเม็ดทั่วไป ส่วนอาหาร เช่น เนื้อดิบและกระดูกติดเนื้อดิบ แม้ว่าจะมีการรายงานเกี่ยวกับการช่วยรักษาสุขภาพฟันได้ แต่ยังไม่พบการศึกษาถึงประสิทธิภาพของอาหารดิบต่อสุขภาพฟัน นอกจากนี้ความไม่สมดุลของสารอาหาร การบาดเจ็บของฟัน เช่น ฟันหัก หรือการติดเชื้อแบคทีเรียและพยาธิในทางเดินอาหาร4 ยังเป็นเรื่องที่ควรนำมาพิจารณาร่วมกับการใช้อาหารดิบในการดูแลสุขภาพฟันอีกด้วย
3. ขนมขัดฟัน
มีกลไกช่วยขัดฟันเพื่อลดคราบจุลินทรีย์บนฟัน มีการศึกษาที่มีการให้ขนมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันในสุนัข พบว่าการให้ขนมขัดฟันร่วมด้วย จะช่วยลดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายได้ดีกว่าการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว ส่วนในแมวพบว่าขนมที่มีส่วนผสมของโพลีฟอสเฟต (polyphosphate) จะสามารถช่วยลดหินน้ำลายในแมวได้ แต่ทั้งนี้การใช้ขนมขัดฟันเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถลดคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายในแมวได้
4. ตัวช่วยในการเคี้ยว/ของเล่น
เป็นอีกวิธีที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับการดูแลสุขภาพฟันที่บ้านด้วยวิธีอื่น ๆ เนื่องจากมีการศึกษาที่พบว่า ตัวช่วยเหล่านี้สามารถช่วยลดหินน้ำลายและเหงือกอักเสบในสุนัขได้ เช่น การให้เล่นหนังสัตว์ที่ไม่ได้รับการฟอกวันละครั้ง แต่ยังไม่มีรายงานถึงความถี่และระยะเวลาในการให้ที่เหมาะสม นอกจากนี้พบว่าสุนัขประมาณ 50% มักไม่ชอบเคี้ยว และยังไม่มีการศึกษาถึงการใช้ในระยะยาว หรือการใช้ตัวช่วยในการเคี้ยวชนิดอื่น ๆ เช่น หูวัว กีบ หรือหลอดลมวัว ว่ามีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพฟันในสุนัขและแมวหรือไม่ แต่ในส่วนของเล่นยังไม่พบการศึกษาว่าสามารถช่วยลดการสะสมของหินน้ำลายได้ อีกทั้งยังพบปัญหา เช่น เหงือกฉีก ฟันหัก จากการให้เล่นของเล่นที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นเจ้าของควรเลือกขนาดของเล่นให้เหมาะสมกับขนาดตัวสัตว์ นอกจากนี้ในสัตว์ที่มีปัญหาโรคปริทันต์และฟันโยก ไม่ควรให้ของเล่นหรือให้เล่นแบบระมัดระมัดระวัง
5. น้ำยาล้างปาก/สเปรย์/น้ำยาผสมน้ำดื่ม
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบ เช่น chlorhexidine, alcohol, xylitol, essential oils, enzyme systems, herbs, chlorine dioxide โดย chlorhexidine มีฤทธิ์ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ เหงือกอักเสบ อีกทั้งมีฤทธิ์เป็นยาต้านจุลชีพ โดยพบว่าสามารถออกฤทธิ์ได้นานในช่องปากสุนัข ซึ่งเห็นผลในการช่วยลดคราบจุลินทรีย์อย่างชัดเจนภายใน 7 วัน ปัจจุบันได้มีการนำสารเหล่านี้มาผสมในผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น เจล น้ำยาล้างปาก และตัวช่วยในการเคี้ยว โดยผสมในความเข้มข้น 0.12 – 0.2% แต่การใช้สารเหล่านี้ในระยะยาวพบว่าทำให้สีของฟันและลิ้นเปลี่ยนไป การรับรสชาติเปลี่ยน และมีการสะสมของหินน้ำลายเพิ่มขึ้นได้ โดย chlorhexidine นั้นแนะนำให้ใช้ก่อนการผ่าตัดช่องปาก ก่อนการเข้ารับการทำความสะอาดฟันจากสัตวแพทย์ และใช้ที่บ้านภายหลังจากการรักษาโรคฟันในช่วงที่มีขบวนการหายของแผล, xylitol ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียและฟันผุ, หรือ essential oils และสารพวก eucalyptol, menthol และ eugenol มีฤทธิ์ต้านจุลชีพและลดคราบจุลินทรีย์ได้ แต่ทั้งนี้คุณสมบัติของสารส่วนใหญ่ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนในสุนัขและแมว นอกจากนี้ยังมีการใช้สมุนไพรบางชนิด เช่น ทับทิม (pomegranate) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นต้านจุลชีพในคราบจุลินทรีย์และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย โดยมีการศึกษาในคนพบว่าสามารถลดเชื้อแบคทีเรียที่พบในช่องปากได้ดี5 แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนในสุนัขและแมว
จากที่กล่าวไปข้างต้น เป็นวิธีที่คนนิยมใช้ในการดูแลสุขภาพฟันที่บ้านสำหรับสุนัข ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป เจ้าของสามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรืออาจใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพฟัน โดยการดูแลสุขภาพฟันที่ดีนั้นควรเริ่มตั้งแต่สัตว์เลี้ยงยังเล็ก โดยเจ้าของควรหมั่นสำรวจฟันสุนัข และพาพวกมาทำความสะอาดฟันโดยสัตวแพทย์ หรือสามารถใช้การแปรงฟันสุนัขเองได้ และที่สำคัญที่สุดควรได้รับข้อมูลและการส่งเสริมให้ดูแลสุขภาพฟันที่บ้าน เพราะดูแลสุขภาพฟันที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการดูแลสุขภาพฟันในสุนัขที่ยั่งยืนที่สุด
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- เต่าซูคาต้า เป็นที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน
- นกบินอิสระ ความสุขของคนเลี้ยงนก
- ปลาหางนกยูง ปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยง
- การนวดน้องหมา ช่วยสร้างความสัมพันธ์และเพื่อสุขภาพที่ดี
ที่มาของบทความ
- https://th.wikihow.com
- https://www.readvpn.com
- https://www.istockphoto.com/819825730-132497933
- https://www.istockphoto.com/819825716-132497929
- https://www.istockphoto.com/661504164-120607059