โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1

ข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน บอกกับเราว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะเป็นความหวังให้กับประเทศนี้ เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบันแหล่งผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศมาจากก๊าซธรรมชาติถึงกว่าร้อยละ 70 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงาน หากต้นกำเนิดพลังงานในส่วนนี้ขาดแคลน เพื่อเพิ่มความมั่นคง การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จึงจำเป็น เพราะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ต้นทุนการผลิตต่ำและคงที่

อีกด้านหนึ่งจำนวนผู้คนที่ต้องอพยพหลายแสนคน เสียชีวิตอีกหลายหมื่นคน และผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จากเหตุการณ์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ระเบิดที่ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เตือนใจผู้คนว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ว่าที่ไหนในโลกมันคือหายนะ จากการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย แต่ละพื้นที่ต่างมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีชีวิตผู้คนจำนวนมากอยู่ในนั้น ดังนั้นถ้าเดาอนาคตได้ เราแทบจะไม่ต้องถกเถียงกันว่าการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความคุ้มค่ากับการลงทุนจริงหรือไม่

แนวคิดการสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในประเทศไทย

แนวคิดการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่ปี 2509 เมื่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เสนอโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่อรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อศึกษาความเหมาะสม สถานที่ตั้ง และรูปของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ บริเวณอ่าวไผ่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังการสำรวจและเตรียมการต่างๆ ในปี 2515 มีคำสั่งคณะปฏิวัติฉบับที่ 166 ประกาศให้บริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จนกระทั่งในปี 2521 รัฐบาลอนุมัติให้เปิดประมูล แต่สุดท้ายต้องเลื่อนโครงการออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากเกิดการคัดค้านจากประชาชน

แนวคิดการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี 2549 รัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อนุมัติแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2550-2564 (PDP2007) ซึ่งกำหนดให้มีสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในปี 2563 และ 2564 จำนวนโรงละ 1,000 เมกกะวัตต์  นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน ให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.) และเห็นชอบแผนการดำเนินงานและวงเงินงบประมาณในช่วงเตรียมเริ่มโครงการ 3 ปีแรกระหว่างปี 2551-2553

พื้นที่เหมาะกับการสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 อันดับ

1) อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี

2) ต.พนมรอก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

3) ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

4) ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

5) ปากน้ำละแม อ.ละแม จ.ชุมพร

ปัจจุบัน หลังรัฐประหารปี 2557 ประเด็นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP2015) โดยในแผนมีการกำหนดให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 2 โรง ในปี 2569 และ 2570 จำนวนโรงละ 1,000 เมกกะวัตต์

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สร้างไม่ง่าย จะสร้างต้องเตรียมการมากกว่า 10 ปี

ถ้าจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องเตรียมการมากกว่า 10 ปี ต้องปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศ การลงสัตยาบันในกฎหมายระหว่างประเทศ  ในประเทศต้องมีหน่วยงานกำกับความปลอดภัยนิวเคลียร์ ในทางสากลต้องเป็นไปตามมาตรฐานของ IAEA (The International Atomic Energy Agency)  และที่สำคัญต้องสร้างการยอมรับจากประชาชน สันติ โชคชัยชำนาญกิจ ผู้ประสานงานโครงการจับตาพลังงาน อธิบายปัจจัยในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

สำหรับกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.).กำลังพิจารณาอยู่ เมื่อดูเนื้อหาอาจกล่าวได้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำให้เห็นเค้าลางของการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคต เนื่องจากกำหนดให้มีคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้งให้คำแนะนำในการออกกฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานต่างๆ และให้ความเห็นชอบการตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์

อย่างไรก็ตามในความเห็นของ สันติ ร่าง พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์ ก็เป็นเพียงส่วนเดียว หากจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ประเทศไทยยังต้องออกกฎหมายอีกหลายฉบับ โดยปัจจุบันกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ในประเทศไทยยังล้าหลังอยู่มาก  มีเพียง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 ซึ่งให้เพียงศึกษา และใช้มานาน ยังไม่มีการปรับปรุง

แนวโน้มโลกต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงใหม่ลด โรงเก่าหาย

หลังเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2554 ส่งผลให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ เริ่มทบทวนนโยบายการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศ ขณะเดียวกันหลายประเทศก็เกิดการเคลื่อนไหวจากภาคประชาชนกดดันให้ยกเลิกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ประเทศเยอรมันเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ประกาศปิดการเดินเครื่อง 9 โรง จากที่มีอยู่ 17 โรง และจะปิดเพิ่มอีกภายในปี 2565 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็มีแผนจะเลิกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายในปี 2577 ขณะที่ประเทศอิตาลีและลิธัวเนีย ประชาชนส่วนใหญ่บอกผ่านการประชามติว่า ไม่ต้องการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในเอเชียผู้นำของประเทศไต้หวันและญี่ปุ่นต่างเรียกร้องให้ลดการพลังงานจากนิวเคลียร์อย่างเร็วที่สุด

ในทางตรงกันข้าม ประเทศจีนก็กำลังเดินหน้าก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่ถึง 32 แห่ง รวมทั้งในเกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซียเองก็กำลังพิจารณาเพื่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพิ่มเติม อย่างไรก็ดีจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กำลังเดินเครื่องอยู่ใน 31 ประเทศขณะนี้ ในอีก 10 -15 ปีข้างหน้าจะมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ประมาณ 100 แห่งที่จะต้องถูกปิด

อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนเบิล ประเทศยูเครน

ในวันที่ 26 เมษายน 2529 เป็นอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในโลก สาเหตุมาจากความผิดพลาดทางเทคโนโลยี และความผิดพลาดของผู้ควบคุมการเดินเครื่อง ทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เกิดระเบิดอย่างรุนแรง ไฟลุกไหม้อยู่เป็นเวลา 10 วัน สารกัมมันตภาพรังสีในเตาปฏิกรณ์ฟุ้งขึ้นไปในอากาศและถูกพัดพาไปหลายพันกิโลเมตร พื้นที่รัศมี 30 กิโลเมตรถูกประกาศเป็นเขตห้ามอยู่อาศัย โดยมีประชาชน 2-4 แสนคนที่ถูกอพยพออกไป และไม่สามารถกลับมาได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน

เมื่อปี 2549 องค์การอนามัยโลกเปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเชอร์โนบิลรวมประมาณ 9,000 คน แม้พื้นที่รัศมี 30 กิโลเมตรจะยังคงเป็นเขตหวงห้าม แต่พื้นที่โดยรอบที่ปนเปื้อนด้วยรังสีอันตรายยังมีผู้อยู่อาศัยกว่า 7 ล้านคน และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้กำลังทนทุกข์ทรมานกับโรคต่างๆ


บทความที่เกี่ยวข้อง

จับตา รัสเซีย-จีน ฉวยโอกาสทรัมป์โดนฟ้อง

ระทึก แผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7 เขย่าอินโดนีเซีย

จุกๆ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย คืนที่ผ่านมา

Where to travel asia Kind Mid Spirit

สามารถติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://www.spip-herbier.net/

สนับสนุนโดย  ufabet369

ที่มา ilaw.or.th